การชำระเงินรอตัดบัญชีเป็นวิธีหนึ่งในการชำระหนี้ โดยวันที่การชำระเงินถูกเลื่อนออกไปเป็นระยะเวลาหนึ่งซึ่งเกินเงื่อนไขของสัญญา แนวคิดนี้ใช้ในการให้กู้ยืมแก่ผู้บริโภค เช่นเดียวกับในการขายปลีกและค้าส่ง การคำนวณขึ้นอยู่กับจำนวนเงินกู้และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า
คำแนะนำ
ขั้นตอนที่ 1
ใช้วิธีกำหนดระยะเวลาเงินกู้ที่เหมาะสมในการคำนวณการชำระเงินรอตัดบัญชี ช่วยให้คุณประเมินประสิทธิภาพของธุรกรรมเชิงพาณิชย์และกำหนดเงื่อนไขที่ยอมรับได้สำหรับการดำเนินการ การคำนวณนี้ช่วยเปรียบเทียบรายได้เพิ่มเติมที่ได้รับจากการตั้งสำรองการชำระเงินรอตัดบัญชีกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ขั้นตอนที่ 2
คำนวณต้นทุนของทุนที่เพิ่มขึ้นต่อวัน ในการทำเช่นนี้ ให้กำหนดจำนวนต้นทุนสำหรับการซื้อผลิตภัณฑ์ การจัดเก็บ บริการขนส่ง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ สำหรับสินค้า คูณมูลค่านี้ด้วยต้นทุนเฉลี่ยของทุนที่ยืมมา ซึ่งกำหนดโดยเงื่อนไขของข้อตกลง และที่จริงแล้วคืออัตราดอกเบี้ยของเงินกู้ที่ให้ไว้
ขั้นตอนที่ 3
หารค่านี้ด้วย 365 วัน นอกจากนี้ ค่านี้สามารถกำหนดเป็นผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ยได้ ในกรณีนี้ การลงทุนคือเงินกู้ที่ออกให้หรือมูลค่าของผลิตภัณฑ์ซึ่งมีการกำหนดการเลื่อนเวลาออกไป
ขั้นตอนที่ 4
กำหนดส่วนต่างทางการค้าสำหรับสินค้าที่ซื้อหรือเงินกู้ที่ได้รับ ซึ่งจะมีการคำนวณการชำระเงินรอการตัดบัญชี เท่ากับมูลค่าที่จะได้รับหักด้วยต้นทุนซื้อสินค้า หากบริษัทเป็นผู้ผลิต อัตรากำไรทางการค้าจะเท่ากับส่วนต่างระหว่างราคาขายกับต้นทุนสินค้าที่ผลิต
ขั้นตอนที่ 5
คำนวณต้นทุนผันแปรที่เป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมและการจัดหาเงินกู้
ขั้นตอนที่ 6
คำนวณระยะเวลาผ่อนผันซึ่งเท่ากับส่วนต่างระหว่างส่วนต่างของกำไรการค้าและต้นทุนผันแปรที่เป็นไปได้หารด้วยต้นทุนของเงินทุนที่เพิ่มขึ้นต่อวัน ปรับมูลค่าที่ได้รับตามความเสี่ยงของการไม่ชำระหนี้ของลูกหนี้