พวกเราหลายคนไม่ทราบว่าเป็นไปได้ที่จะลดดอกเบี้ยเงินกู้ที่มีอยู่ ในขณะเดียวกัน ธนาคารหลายแห่งเต็มใจไปพบผู้กู้หากพบว่าตนเองอยู่ในสถานการณ์ทางการเงินที่ยากลำบากและไม่สามารถชำระเงินตามกำหนดการที่มีอยู่
คำแนะนำ
ขั้นตอนที่ 1
ธนาคารเสนอการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกค้าที่แจ้งปัญหาที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าเสมอ นี่อาจเป็นการเพิ่มระยะเวลาเงินกู้ ความล่าช้าในการชำระหนี้เงินต้น หรืออัตราดอกเบี้ยที่ลดลง แน่นอนว่าธนาคารไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนี้เพราะจะสูญเสียรายได้ที่วางแผนไว้ส่วนหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารจะได้รับกำไรน้อยกว่าในกรณีที่เกิดความล่าช้า ไม่ได้รับเลย
ขั้นตอนที่ 2
โดยเฉลี่ยแล้ว ธนาคารต่างๆ พร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 1.5-2 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรหลอกตัวเอง มักจะให้ผลประโยชน์นี้เป็นระยะเวลาไม่เกินสองปี กล่าวคือ ไม่ใช่เวลาที่ผู้กู้ประสบปัญหาทางการเงิน ธนาคารบางแห่งหลังจากช่วงเวลานี้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งและพิจารณาถึงรายได้ที่หายไปสำหรับระยะเวลาผ่อนผัน
ขั้นตอนที่ 3
เพื่อลดดอกเบี้ยเงินกู้ คุณต้องติดต่อธนาคารและส่งเอกสารยืนยันการเสื่อมสภาพทางการเงินของคุณ นี่อาจเป็นสำเนาสมุดงานหากคุณถูกไล่ออก หนังสือรับรองเงินเดือนหากลดลง การลาป่วย หรือใบรับรองแพทย์หากคุณไม่สามารถปฏิบัติตามภาระหนี้ของคุณได้ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ
ขั้นตอนที่ 4
อย่างไรก็ตาม หลังจากวิเคราะห์สภาพของคุณแล้ว ธนาคารอาจพิจารณาว่าคุณจะไม่สามารถชำระเงินกู้ได้แม้ว่าจะทำการรีไฟแนนซ์แล้วก็ตาม และเสนอที่จะขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการได้มาซึ่งเงินที่ยืมไปใช้ ดังนั้นในสถานการณ์นี้ สิ่งสำคัญคืออย่าหักโหมจนเกินไป
ขั้นตอนที่ 5
ธนาคารสามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้ในกรณีต่อไปนี้ ตัวอย่างเช่น ผู้กู้กู้สินเชื่อจำนองเมื่อสามปีที่แล้วในอัตรา 16% ต่อปี และตอนนี้อัตราของเงินกู้ที่คล้ายกันคือ 13% แต่สถานการณ์นี้ก็มีข้อผิดพลาดเช่นกัน ประการแรก คุณไม่ควรคิดเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์หากส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยมีน้อย อย่างน้อย 3 เปอร์เซ็นต์ ประการที่สอง ความแตกต่างจากการลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับการชำระเงินงวดจะไม่สังเกตเห็นได้ชัดเจนนัก โดยเฉพาะหากคุณชำระเงินกู้มากกว่าหนึ่งในสาม ในส่วนของจำนวนเงินที่ชำระ ส่วนหนึ่งที่สำคัญคือจำนวนเงินต้น และคุณได้คืนดอกเบี้ยส่วนใหญ่ให้กับธนาคารแล้ว